Gallery VER
Main Room Exhibition
We will leave and never return… by Arin Rungjang
นิทรรศการ เราจะจากไปและไม่หวนกลับมา… โดย อริญชย์ รุ่งแจ้ง
08/10-25/12/2022
“The blind man is not missing sightedness just as the stone is not missing sightedness....
and the wind is crying, standing on the shore of pride full of mud covering his feet,
dust is whispering; We will leave and never return...”
As we are limited by the ability to perceive reality, we imprison our surroundings within the meaning defined within human boundary. Nonetheless, reality is only fickle, changing eternally as being and time. Human only uses different means to comprehend, from religion, beliefs, science, to advanced innovation. The more we discover and invent new devices to explain reality, the more we grasp that reality as we know extends far beyond our clutch, beyond our capability of expression.
Bats compensate for their lack of sight with other senses in the dark. While eagle eyes, despite its sharpness in visual, are rendered helpless at night. Stones do not miss sightedness, it only perceives reality within its realm, out of the cage defined by the realm of human. As stone cannot describe protein, protein cannot describe political context, political context cannot describe stone, and vice versa. Existing altogether, it is essential to search for a map that shows the meaning and the expression of each domain that are presented in their companionship.
We attempt to create the means to end the suffering of our ignorance. Man-made tools such as language, symbols, or media are only specks of traces to create an atlas of existence and non-existence. Mural explaining the absolute truth offers simulacrums of reality based on humanist logic. The Sun as the blazing knowledge, the Lotus as the wise and the delight, the frigate as the doctrine. Even humans perceive experience differently. Candles, incense, fragrance, film screen, television screen, and 3D-generated images all hold different meanings depending on the eyes of the beholders.
And yet the Sun will perish, lotus withers, humans age, and stones erode. Similarly, nirvana may not be absolute. The wind shall carry our dust filled with these whisperings away. We will all leave this plain of materials. We will all leave and never return.
"คนตาบอดไม่ได้สูญเสียการมองเห็น เฉกเช่นที่ก้อนหินเองก็ไม่ได้สูญเสียการมองเห็น
….แล้วสายลมก็หลั่งน้ำตา ขณะยืนอยู่บนชายฝั่งทรนง เท้าปกคลุมไปด้วยโคลน ฝุ่นผงกระซิบข้างหู “เราจะจากไป และ ไม่หวนคืนมา”
เมื่อมนุษย์มีขอบเขตในการรับรู้ความจริง เราจึงจำกัดความหมายของสภาพแวดล้อมไว้ภายใต้ขอบเขตของมนุษย์ แต่ทว่าความจริงนั้นไม่แน่นอน แปรแปลี่ยนตลอดตามกาลเวลาในฐานะสิ่งที่มีอยู่ มนุษย์เพียงเสาะแสวงหาช่องทางที่จะเข้าใจความจริงนี้ ตั้งแต่ศาสนา ความเชื่อ วิทยาศาตร์ หรือแม้แต่นวัตกรรมล้ำหน้า กระนั้น ยิ่งเราไขว่คว้าจะประดิษฐ์กลไกในการอธิบายความเป็นจริงได้มากเพียงใด เรากลับตระหนักได้ว่าสัจจะนั้นยืดเหยียดออกไปไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึงได้ ไกลเกินกว่าขีดจำกัดในการแสดงออกของเรา
ค้างคาวทดแทนจุดอ่อนทางการมองเห็นด้วยผัสสะอื่น ในขณะที่ตาเหยี่ยวอันเฉียบแหลมกลับไร้อำนาจในยามค่ำคืน ก้อนหินไม่ได้ขาดแคลนสายตา มันเพียงแต่รับรู้ความเป็นจริงอยู่ในอาณาจักรของก้อนหินเองซึ่งอยู่นอกการจำกัดความโดยขอบเขตของมนุษย์ ตราบที่ก้อนหินมิอาจบรรยายโปรตีนได้ โปรตีนก็มิอาจบรรยายบริบททางการเมือง เฉกเช่นที่บริบททางการเมืองเอง ก็มิอาจบรรยายทั้งก้อนหินและโปรตีนได้เช่นกัน ทั้งสามอาณาจักรตั้งอยู่บนพื้นฐานการมีอยู่ร่วมกัน แต่สิ่งสำคัญคือการหาแผนที่ซึ่งแสดงความหมายและการแสดงออกตามเขตแดนที่ปรากฏอยู่ฉันมิตร
เราพยายามสร้างหนทางอันนำไปสู่จุดจบของความทรมานจากความขลาดเขลาของเรา เครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะภาษา, สัญญะ, หรือสื่อ เป็นเพียงร่องรอยเพื่อประกอบสร้างแผนที่ของทั้งสิ่งที่ดำรงและไม่ดำรงอยู่ เฉกเช่นภาพเขียนฝาผนังที่นำเสนอสัจจะสูงสุดผ่านอุปมาจากตรรกะของมนุษย์ ดวงอาทิตย์แทนความรู้เจิดจ้า ดอกบัวแทนผู้ตื่นผู้เบิกบาน และเรือสินค้าแทนปรัชญาคำสอน แม้แต่มนุษย์เองก็รับรู้ประสบการณ์ได้ต่างกัน เทียนไข กำยาน กลิ่นหอม แผ่นฟิล์ม จอทีวี จวบจนภาพดิจิตอลสามมิติ ล้วนกุมความหมายต่างกันขึ้นอยู่กับสายตาที่จ้องมอง
แต่ถึงกระนั้น ดวงอาทิตย์ย่อมดับสูญ ดอกบัวร่วงโรย มนุษย์แก่เฒ่า และหินผาผุกร่อน เฉกเช่นนิพพานก็อาจไม่ใช่จุดจบที่แท้ สายลมเท่านั้นที่จะพาเถ้าทุลีของเราที่กุมเสียงกระซิบนี้ไปไกลแสนไกล เราจะจากโลกวัตถุนี้ไป เราจะจากไป และไม่หวนกลับมา
Arin Rungjang short biography
(b.1975 Bangkok; lives and works in Bangkok) is known for deftly revisiting historical material, overlapping major and minor narratives across multiple times, places, and languages. His interest lies in lesser-known aspects of Thai history and their intersection with the present in the sites and contexts of his practice. Objects, which can draw together distant events across time and space, are central to his investigations. He has a practice that spans different media and often involves video and site-specific installation. In his exploration of history and everyday life experiences he deftly dissects material and revisits master-narratives through the agency of the small event.
Representing Thailand at the 55th Venice Biennale, Rungjang’s Golden Teardrop explored the transnational adaptation of a celebrated Thai dessert, uncovering surprising narratives and simultaneities that contradict official history. Recent exhibitions include Mongkut – CAPC – Musée d’art contemporain(2015), Bordeaux, Satellite 8, Jeu de Paume, Paris (2015), Finalist Apb Foundation Signature Art Prize (2014), Golden Teardrop, representing Thailand at the 55th Venice Biennale (2013). He has participated in the 18th Biennale of Sydney (2012), the Bandung ‘City Pavilion’ at the Shanghai Biennale (2012), the Third Singapore Biennale at Old Kallang Airport (2011)
Gallery VER Project Room Exhibition
Comfort Objects by Uninspired by Current Events (Saratta Chuengsatiansup)
08/10-25/12/2022
Types : Installation
It might not have come as a surprise that the younger generations are no longer seeking to chase their dreams due to the instability and uncertainties in the current era. Rather, they would pursue euthanasia or ephemeral euphoria, only to let go of these empty securities since the present world as it is might not be the ideal nor inspiring place to live. Similarly, after over 400 days of observing and reflecting on everyday occurrences through 3D generated images, ‘Uninspired by Current Events’ (Saratta Chuengsatiansup) summarises his mental state under this eventful yet uninspiring society with the solo exhibition ‘Comfort Objects’ at Gallery VER Project Room.
Small chicks not knowing their futures scattered around a dimly lit room might reflect our mentality in this time of collapsing stability. Since they are considered merely a unit within a bigger economic system, they might be thrown into slaughter machines, sent to butchers, or forced into laying eggs once they have matured. And yet, in this dim light, they wait to be fed. A life of constant waiting, crying, and chirping only to be comforted. Unlike tiny chicks cooped up in a dark cage whose only navigation given is food, we have the capability to choose our own distractions. Nonetheless, as we are constantly hungry no matter how much we eat, distraction can only derange our attention for a fleeting time.
Navigating as a unit in this aimless system, maybe we are only searching for any means of relief to escape the agony of our daily lives. We all share different forms of diversion that could create a sense of comfort, hope, or somewhere to look forward to the future. Saratta’s baby chicks are possibly the desperate cries for hope in this hopeless time.
อาจไม่ใช่เรื่องน่าตกใจแต่อย่างใดหากคนรุ่นใหม่ต่างเลิกล้มที่จะวิ่งตามความฝันอันเป็นผลมาจากความไม่มั่นคงและความคลุมเครือในยุคปัจจุบัน ในทางกลับกัน พวกเขามุ่งเสาะหาจุดจบของชีวิตหรือความรื่นเริงชั่วครู่ เพียงเพื่อจะปล่อยวางความปลอดภัยอันว่างเปล่าในโลกที่ไม่เป็นไปตามอุดมคติอันไร้ซึ่งแรงบันดาลใจนี้ เช่นเดียวกับผลงานกว่า 400 ชิ้นที่ถูกสร้างจากการเฝ้ามองและสะท้อนภาพที่เกิดขึ้นไม่เว้นวันผ่านเทคนิคการปั้นโมเดลสามมิติโดย ‘Uninspired by Current Events’ (สารัตถะ จึงเสถียรทรัพย์) ได้สรุปสภาพอารมณ์ภายใต้สังคมที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์แต่ไร้แรงบันดาลใจในนิทรรศการเดี่ยว ‘Comfort Objects’ ณ Gallery VER Project Room
ลูกไก่ตัวน้อยผู้เดียงสาต่ออนาคตของพวกมัน เดินสะเปะสะปะใต้ไฟสลัวอาจสะท้อนจิตใจของเราท่ามกลางความมั่นคงที่ดับสลายในเวลานี้ เนื่องจากพวกมันถูกนับเป็นเพียงหน่วยหนึ่งในระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่กว่า อนาคตของมันจึงไม่ได้ไกลไปกว่าการถูกโยนเข้าเครื่องบดอาหาร ส่งไปชำแหละ หรือเมื่อโตเต็มวัย ก็มีหน้าที่ออกไข่ แต่กระนั้น ภายใต้ห้องทึบนี้ พวกมันต่างเฝ้ารอที่จะได้รับการป้อนอาหาร เป็นชีวิตที่เวียนอยู่กับการรอคอย เรียกร้องและร่ำร้องเพื่อความอบอุ่นสบายใจ หากแต่พวกเราไม่ใช่ลูกเจี๊ยบถูกขังอยู่ในสุ่มมืดมิดที่มีเครื่องนำทางเป็นอาหาร เรามีความสามารถในการเลือกการเบี่ยงเบนความสนใจของเราได้ ถึงอย่างนั้น ตราบที่เราต่างหิวโหยไม่ว่าจะทานอาหารไปมากเพียงใด การหันเหความสนใจก็ทำให้เราเลิกจมปลักอยู่ในความสิ้นหวังในเวลาอันสั้นได้เพียงนั้น
ท่ามกลางชีวิตที่นับได้เพียงหน่วยหนึ่งใต้ระบบอันเลื่อนลอยนี้ เราอาจเพียงตามหาหนทางเพื่อบรรเทาและหนีไปจากความโหดร้ายทรมานของชีวิตในแต่ละวัน เราล้านมีวิธีการหาทางไขว้เขวที่แตกต่างกันไป เพื่อสร้างความรู้สึกสบายใจ ความหวัง หรือหนทางในการมองไปสู่อนาคตข้างหน้า ลูกไก่ตัวน้อยของสารัตถะอาจเป็นเสียงเรียกร้องหาความหวังในเวลาอันสิ้นหวังนี้ก็เป็นได้
CLOSING TIME :09:30 PM
Gallery VER
2198/10-11, Narathiwat Ratchanakarin Soi 22
BRT Thanon Chan Station